นักเรียน ม.3 ผสานชีวิตทำนาบ้านแม่เตี๊ยะ ณ ทุ่งนาหมู่บ้านแม่เตี๊ยะ มูลนิธิชาวดอยร่วมรู้รักสามัคคีเพื่อชีวิต อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ วันที่ 22 กรกฎาคม 2551 ข้อค้นพบที่อยากจะบอก ได้เรียนรู้อะไรจากการผสานชีวิต ได้ประสบการณ์เกี่ยวกับการทำนา โดยการใช้ควาย ควายเหล็กไถ่นา และการทำคันนา ได้เรียนรู้ถึงความสามัคคีในระบบหมู่ ได้เห็นถึงความยากลำบากกว่าที่จะได้ข้าวมา ได้เห็นระบบนิเวศในนา ได้ฝึกทักษะชีวิต ปัญหาโลกร้อนเกิดจากน้ำมือคน / และวิธีช่วยลดปัญหาโลกร้อน สิ่งที่ประทับใจในการผสานชีวิต ได้ประสบการณ์ชีวิต ได้เห็นมิตรภาพของคนกับควาย ภราดาเป็นผู้ที่มีความรู้และดูใจดี ประทับใจที่ได้ใกล้ชิดและพูดคุยกับภราดาที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องโลกร้อน ประทับใจชาวนาที่ยอมเหน็ดเหนื่อยในการทำงาน การเล่นน้ำ สุนัขนำทาง ปัญหา/อุปสรรคและสิ่งที่ควรแก้ไข นักเรียนไม่ชินกับสภาพแบบนี้ มีนักเรียนบางคนเล่นกัน การเดินเท้าในระยะไกลๆ เวลาในการเรียนรู้น้อยไป ซึ่งทำให้ไม่ได้ศึกษาหรือปฏิบัติได้อย่างครบถ้วน โดนหนาม กิ่งไม้ปัก หิดบาด มด แมลงตอม ไต่ กัด แต่เมื่อมีบาดแผลก็ทำแผลปฐมพยาบาล เดินลื่นล้มซึ่งเราต้องเดินด้วยความระมัดระวัง มีสัตว์ที่เป็นอันตรายอยู่ในสถานที่ทำกิจกรรม ในเส้นทางมีอุปสรรค เช่น ขวางหนาม โคลานดูดรองเท้า เวลาในการทำกิจกรรมน้อยเกินไปและอยากให้มีเวลาในการทำกิจกรรมมากขึ้น ความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับในกิจกรรมผสานชีวิต ภาวะโลกร้อน ทราบวิธีการ สาเหตุ ที่มาและวิธีการแก้ไข โดยเริ่มจากตนเองเพื่อช่วยแก้ไขสภาวะโลกร้อน ได้รู้ว่าโลกของเรากำลังร้อนขึ้นเนื่องจากมีการใช้พลังงานอย่างสิ้นเปลือง ซึ่งเราสามารถแก้ไขได้โดยการลดภาวะโลกร้อนได้ เช่น การใช้จักรยานแทนรถยนต์ ใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก ปิดไฟหลังเลิกใช้งาน ได้เรียนรู้ว่าหากโลกยิ่งร้อนขึ้นภูมิศาสตร์ก็ยิ่งเปลี่ยนแปลงเร็วและมนุษย์ได้รับผลกระทบมากขึ้น ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องคิดถึงเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง ภาวะโลกร้อนใกล้ตัวเราเข้ามาทุกที เราต้องช่วยกันลดพลังงานที่ไม่จำเป็นซึ่งเป็นการช่วยโลกของเราได้ไม่มากก็น้อย เกิดจากน้ำมือของมนุษย์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพวกที่เห็นแก่ตัวเป็น และพวกเราควรช่วยกันคนละไม้คนละมือเพื่อแก้ไขปัญหา ปัจจุบันปัญหาโลกร้อนได้ลุกลามไปทั่วโลกและสร้างปัญหาให้กับชีวิตมากมาย หากไม่รีบแก้ปัญหาโดยเร็วอาจส่งผลให้สัตว์โลกบางชนิดสูญพันธุ์ได้ ตระหนักถึงปัญหาโลกร้อนของทุกวันนี้ว่าเริ่มแย่ลงทุกๆ วันแล้ว เราควรช่วยกันลดปัญหาโลกร้อน โดยเริ่มจากรอบข้างตัวเราก่อน ทำให้รู้ว่าเรื่องโลกร้อนนั้นไม่ใช้เรื่องไกลตัวเราเลย เพราะมันส่งผลกระทบต่อทุกคนในโลก การเรียนรู้ชีวิตกลุ่ม ได้เรียนรู้เข้าใจชีวิตกลุ่ม ตัวเราคนเดียวทำงานได้ลำบากกว่าที่เราอยู่กันเป็นกลุ่ม ทำให้เราสามัคคีกัน มีน้ำใจต่อกัน ได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันและได้หัวเราะมีความสนุกสนานด้วยกัน สนุกสนานเฮฮา ได้รู้ถึงนิสัยของเพื่อนแต่ละคนว่านิสัยโดยแท้เป็นอย่างไรจากการทำงานกลุ่ม ควรมีความสามัคคีกันผลที่ตามมาก็จะดีตาม ได้รู้จักวิธีการแบ่งหน้าที่ตามความถนัดของแต่ละคน เราควรจะมีเพื่อนให้มากเพราะจะได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ได้ความสามัคคีในกลุ่มการทำนาเหมือนกับการลงแขกเกี่ยวข้าวของชาวบ้าน ได้เห็นความสามัคคีของเพื่อนในกลุ่มและมิตรภาพที่มีต่อกัน การร่วมมือกันจากหนักก็กลายเป็นเบา วิถีชีวิตชาวนา เรียบง่าย เย็นสบาย สงบสุข ไม่เครียดไม่วุ่นวาย พอเพียงและมีความสุข ได้เห็นชาวนาทำงานในทุ่งนาซึ่งต้องใช้ความอดทน ในการทำนามาก ถึงจะเหนื่อยเขาก็ไม่บ่นและยังมีรอยยิ้มอีก เหนื่อยแต่น่าภูมิใจ ชาวนาเป็นคนที่มีฐานะต่ำที่สุดแต่ในการดำรงชีวิตเขาอยู่ในชั้นสูงสุดกว่าที่จะได้ข้าวมายากยากลำบาก เราจึงสมควรที่จะยกย่องเขา วิถีชีวิตชาวนานั้นเรียบง่าย อยู่อย่างพอเพียง นักเรียนจะนำประสบการณ์ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตอย่างไร ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม รักษ์สิ่งแวดล้อม ไม่เกะกะสังคม ทำตนเองให้มีประโยชน์ ?เห็นแก่ผู้อื่นและส่วนรวมมากกว่าเห็นแก่ตนเอง? เมื่อได้มาเรียนรู้ถึงสิ่งต่างๆ ซึ่งเราผ่านความยากลำบากมาและในการทำงานหรืออุปสรรคในการเรียน การทำงาน เราก็จะสามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยดี สามารถนำไปช่วยพ่อแม่ทำงานได้ จากความตั้งใจในการทำงานและความขยันของเราอาจทำให้เรามีอนาคตที่ดี ได้รับประสบการณ์ติดตัวไปตลอดและยังทำให้เรามีความอดทนมากขึ้น ใช้ชีวิตอย่างพอเพียงเรียบง่ายและมีความสุข กินข้าวทุกเม็ดอย่างรู้คุณค่า ผมจะกินข้าวไม่ให้เหลือเพื่อเห็นแก่ความยากลำบากของชาวนา ข้อพันธสัญญาในการปฏิบัติตัว หลังจากการเข้าร่วมกิจกรรมผสานชีวิต (ความตั้งใจในการวางอนาคต) ผมสัญญาว่าหลังจากที่ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมาย เมื่อผมได้เจอกับปัญหาและอุปสรรคในการเรียน การทำงานต่างๆ ผมจะต้องอดทนและตั้งใจ ผมตั้งใจว่าจะตั้งใจเรียนหนังสือ ช่วยเหลือพ่อแม่ทำงานและมีความรับผิดชอบต่อตนเองมากขึ้น ผมจะสร้างอนาคตที่ดีที่สุดให้กับตนเองและครอบคัวและผู้อื่น ตั้งใจเรียนเพื่ออนาคตตัวเองและช่วยผู้อื่น อาชีพอะไรไม่สำคัญ ความสำคัญอยู่ที่การประกอบอาชีพอย่างสุจริตและเป็นคนดีในสังคม ทำตามแนวทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง และรู้จักนำของที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ และช่วยกันประหยัดพลังงาน ผมจะตั้งใจเรียนหนังสือ พอมีงานทำผมจะกลับมาช่วยพวกเขาเหล่านี้ต่อไป หลังจากกลับบ้านไปผมจะมีความพอเพียงกับชีวิตไม่ต้องมีอะไรซับซ้อน ใช้พลังงานอย่างประหยัดและใช้ให้เกิดประโยชน์ ข้อเสนอแนะ อยากให้มีการเรียนรู้แบบนี้ต่อๆ ไป เพื่อที่จะได้ประสบการณ์ต่างๆ ความปลอดภัยในการทำกิจกรรม อยากมีโอกาสดีๆ แบบนี้อีก ควรมีที่อาบน้ำเพื่อล้างตัว อยากให้มีการผสานชีวิตอย่างนี้บ่อยๆ ครับ อยากให้มีเวลาทำกิจกรรมมากกว่านี้